ประเภท : นานาสาระ
ปี 2563 ธุรกิจร้านรับซื้อของเก่าน่าสนใจอยู่ไหม?
ผมเชื่อว่าหลายๆท่าน สนใจที่อยากจะลองทำ ร้านรับซื้อของเก่า หรือรีไซเคิล พอมองเห็นว่า เป็นธุรกิจที่ ได้กำไรมาก วัตถุดิบรีไซเคิลขายได้ทุกตัว ซื้อมาขายไปได้กำไรแน่ๆ ซึ่งหลายๆท่านก็ได้เปิดร้านรับซื้อของเก่าและหลายๆท่านก็ได้แต่วาดฝันแต่ไม่ได้ลงมือทำ
ปี 2562 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงวิกฤตราคาของเก่า ร้านรับซื้อของเก่า และผู้ประกอบการรีไซเคิลหลายๆท่าน ต่างได้รับผลกระทบ ปัญหาอันเนื่องมาจาก ราคาของเก่าตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ราคาของเศษเหล็กปรับลง ราคาเศษกระดาษปรับลงอย่างมากแทบจะเป็นขยะ หรือแม้กระทั่งในกลุ่มของพลาสติก ซึ่งลดลงอย่างน่าใจหาย รีไซเคิลออกมาม่สามารถส่งขายได้ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ จึงทำให้ร้านรับซื้อของเก่า ผู้ประกอบการรีไซเคิลในหลายภาคส่วน ต่างต้อง งัดกลยุทธ์เข้ามาใช้เพื่อประคับประคองให้ร้านรับซื้อของเก่าของตนเองอยู่ได้ และก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ร้านรับซื้อของเก่าปิดกิจการ ไปเลยก็ว่าได้
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ของเก่าราคาปรับตัวต่ำลง
-
เกิดจาก ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง จึงทำให้ อัตราความต้องการ ใช้วัตถุดิบรีไซเคิล น้อยลงเช่นกัน
-
ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ซึ่งจีนนั้นถือว่าเป็นลูกค้าหลักของประเทศไทย ที่ทำการรับซื้อวัตถุดิบรีไซเคิล ในปริมาณที่มาก และหากประเทศจีนไม่สามารถขายสินค้าให้กับประเทศสหรัฐได้ สินค้าในกลุ่มรีไซเคิลต่างๆ ก็ส่งขายให้กับประเทศจีนได้น้อยเช่นเดียวกัน
จากประสบการณ์การทำร้านรับซื้อของเก่ามากกว่า 10 ปี ผมบอกว่า ธุรกิจร้านรับซื้อของเก่าและรีไซเคิลในปี 2563 นี้ เป็นธุรกิจที่ชะลอตัว ไม่โดดเด่นเหมือนเมื่อหลายปีก่อน เพราะอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและสงครามการค้า
ปกติแล้วธุรกิจร้านรับซื้อของเก่าจะทำงานร่วมกัน 3 ส่วน คือ
-
ในกลุ่มของลูกค้า ที่เอาของเก่า หรือวัตถุดิบรีไซเคิลมาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า ได้แก่ ประชาชน และซาเล้ง ซึ่งประชาชนนี้เอง ไม่กล้าจะใช้จ่าย เพราะไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ เพราะมีข่าวการปิดกิจการของโรงงานอุตสาหกรรมหลายๆที่ และเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของของเก่า ในกลุ่มของซาเล้งซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเก่า ในปัจจุบันนั้น ราคาของเก่าตกต่ำไม่ว่าจะเป็นราคาเศษเหล็ก เศษกระดาษ เศษพลาสติก จึงทำให้ซาเล้ง ไม่มีแรงจูงใจที่จะหาของเก่ามาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าหรือผู้ประกอบการรีไซเคิล จึงทำให้ของที่จะมาขายยังร้านรับซื้อของเก่าน้อยเช่นเดียวกัน
-
ในกลุ่มของร้านรับซื้อของเก่าและผู้ประกอบการรีไซเคิลนี้เอง ซึ่งจะเป็นคนกลางระหว่าง ผู้ขายของเก่า และส่งขายให้ผู้ประกอบการรีไซเคิล เพื่อนำไปรีไซเคิลต่อไป ร้านรับซื้อของเก่านั้นซึ่งจะมีหน้าที่ซื้อ รวบรวมของเก่า แล้วส่งขาย จากประสบการณ์การทำงานร้านรับซื้อของเก่ามากว่า 10 ปี หากราคาของเก่าปรับตัวสูง ลูกค้าก็จะนำวัตถุดิบรีไซเคิลมาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่ามากเช่นเดียวกัน และในขณะเดียวกัน เมื่อราคาของเก่าตกต่ำ สินค้าที่มาขายยังร้านรับซื้อของเก่า ก็จะน้อยอีกเช่นเดียวกัน จึงทำให้ รายได้ และค่าใช้จ่ายของร้านรับซื้อของเก่าไม่สมดุล
-
ในกลุ่มของโรงงานรีไซเคิล ที่รับซื้อวัตถุดิบรีไซเคิลจากร้านรับซื้อของเก่า เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ก็อาจจะรับซื้อของเก่าน้อยลงหรือบางครั้งอาจงดรับซื้อของเก่า เพื่อ ทำให้สต๊อกนั้นสมดุล
จากปัญหาหลายๆอย่าง ที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นเหตุผลให้ในปี 2563 ธุรกิจร้านรับซื้อของเก่านะรีไซเคิล ซบเซาเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่สำคัญ ที่จะวัดความสามารถของผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล หากร้านรับซื้อของเก่าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ถือว่าเก่งมาก บทความนี้หวังว่าหลายๆท่านและผู้สนใจในธรกิจร้านรับซื้อของเก่าและรีไซเคิลจะได้ข้อมูลดีๆเพื่อนำไปแนวทางการทำธุรกิจกัน